Logos Hope ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีเรือหนังสือมาจอดเทียบท่าที่เมืองไทย  Logos Hope เป็นร้านหนังสือลอยน้ำที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก และตอนนี้ก็ได้มาจอดรอให้เหล่าหนอนหนังสือทั้งหลายมาเยือนอยู่ที่ท่าเรือคลองเตยนี้เองครับ

บนเรือลำนี้เราจะได้พบกับหนังสือกว่า 5,000 รายการในหมวดหมู่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ กีฬาและงานอดิเรก อาหาร ศิลปะ การแพทย์ เศรษฐศาสตร์ พจนานุกรม และภาษา และที่เห็นมีอยู่มากที่สุดน่าจะเป็นนิทานและหนังสือสำหรับเด็ก เพราะเรือหนังสือลอยน้ำแห่งนี้เน้นการนำเสนอหนังสือและปลูกฝังค่านิยมการอ่านในครอบครัวและเยาวชนนั่นเอง

เนื่องจาก Logos Hope ล่องเรือไปจอดเทียบท่าในหลายประเทศ ซึ่งมีสกุลเงินแตกต่างกันไป บนเรือจึงใช้วิธีการระบุราคาหนังสือเป็น Unit โดย 100 Unit เท่ากับ 80 บาท และเท่าที่เห็นก็พบว่าหนังสือราคา 100 หรือ 150 Unit นั้นมีอยู่เยอะมาก ดังนั้นถึงจะเป็นหนังสือต่างประเทศแต่ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยครับ

เรื่องราวของ Logos Hope มีอยู่มากมาย ไม่เพียงแต่เป็นร้านหนังสือลอยน้ำเท่านั้น  Logos Hope ยังดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้คนในส่วนต่าง ๆ ของโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรณรงค์เกี่ยวกับโรคเอดส์ หรือการให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษา Logos Hope ได้บริจาคหนังสือให้กับโรงเรียน ห้องสมุด ชุมชน หรือวิทยาลัยต่าง ๆ ของเมืองที่เรือไปเทียบท่าจอดอยู่เสมอ

สิ่งที่น่าสนใจบนเรือลำนี้ไม่ใช่แค่ร้านหนังสืออย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการทำงานของอาสาสมัครจากประเทศต่าง ๆ มากกว่า 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็มีตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ ตั้งแต่กัปตันเรือไปจนถึงเจ้าหน้าที่บนเรือ ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่มีส่วนในการขับเคลื่อนเรือลำนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

แคท สาวชาวอังกฤษและเป็นหนึ่งในอาสาสมัครของ Logos Hope เธอเล่าให้ฟังถึงการทำงานบนเรือลำนี้ว่า “คนที่อาสาสมัครมาทำงานบนเรือลำนี้จะได้รับการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติงานบนเรือโดยที่ไม่จำกัดว่าคนคนนั้นจะมีระดับการศึกษาเท่าไร” เรียกได้ว่าหากมีจิตอาสาก็สามารถเข้ามาทำงานที่นี่ได้ทั้งนั้น

“วัตถุประสงค์หลักของเรือลำนี้ได้แก่การนำความหวังมาสู่ผู้คน ส่งต่อความรู้ในรูปแบบของร้านหนังสือ และการให้ความช่วยเหลือผู้คนซึ่งเป็นการชำระจิตใจของเราไปด้วย” แคทกล่าว

ซาน เป็นอาสาสมัครคนไทยที่ปฏิบัติงานบนเรือเล่าถึงชีวิตบนเรือว่า “ทำงานเป็นอาสาสมัครมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ช่วงแรก ๆ เมาเรือตลอดเวลา เป็นอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึงเริ่มชิน” ซานบอกว่าปัจจุบันบนเรือมีอาสาสมัครคนไทยอยู่ 5 คน

ซานพาเราชมส่วนต่าง ๆ ของร้านหนังสือ และยังพาเราชมส่วนของเรือที่มีชื่อว่า “Journey of Life” ซึ่งเป็นส่วนที่เล่านิทานคริสเตียนเกี่ยวกับบุตรชายที่หลงผิดขอเงินมรดกจากบิดาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและคบคนพาล จนหมดเนื้อหมดตัวและต้องเดินทางกลับมาขออยู่กับบิดาของตนอีกครั้งในฐานะคนรับใช้ แต่ผู้เป็นพ่อก็ให้อภัยและรับเขากลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง

อาสาสมัครบนเรือลำนี้แม้จะไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน แต่การได้ปฏิบัติงานบนเรือก็เป็นโอกาสอันดีให้พวกเขาได้เข้าร่วมโปรแกรมการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ได้ประสบการณ์การทำงานในสิ่งแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเป็นการพัฒนาตนเองไปในตัวอีกด้วย

ประสบการณ์ที่ได้จากเรือยักษ์ลำนี้จึงไม่ใช่แค่เพียงได้เลือกซื้อหนังสือต่างประเทศแปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ยังได้พบปะกับอาสาสมัครจากหลากหลายวัฒนธรรม ได้สัมผัสกับเรื่องราวอันน่าประทับใจของพวกเขา และยังทำให้เกิดความหวังขึ้นในใจอีกด้วยว่า แม้เราจะอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายจากทั่วทุกมุมโลกที่พร้อมจะส่งต่อความปรารถนาดีและความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ยังขาดแคลน

Logos Hope รอพวกเราอยู่ที่ท่าเรือคลองเตยถึงวันที่ 11 มีนาคม 2556 ครับ